X-Turion Home & Living ใช้งานอย่างไร ให้ตู้เย็น 2 ประตู ประหยัดไฟมากที่สุด

ใช้งานอย่างไร ให้ตู้เย็น 2 ประตู ประหยัดไฟมากที่สุด


ตู้เย็น 2 ประตู ประหยัดไฟ

                ในสภาวะที่โลกร้อนเพิ่มขึ้นทุกวัน หลาย ๆ หน่วยงานก็ออกมารณรงค์เรื่องการประหยัดพลังงานกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ไหนจะภาระค่าใช้จ่ายรายเดือนที่เพิ่มขึ้นแปรผกผันกับสภาพเศรษฐกิจที่ถดถอย โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายประจำหรือที่เรียกว่า Fixed Cost อย่างค่าน้ำค่าไฟ ไหนใครจะปฏิเสธ ว่าเราสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องใช้น้ำใช้ไฟ แม้ในยามวิกฤติ จะมีนโยบายจากทางภาครัฐออกมาเพื่อลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราหาวิธีประหยัดเพิ่มได้ ในบทความนี้จะชวนคุณมาคุยเรื่องราวเกี่ยวกับตู้เย็น 2 ประตู มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการลดการใช้พลังงานไฟฟ้า และอนุรักษ์โลกใบนี้ไปพร้อม ๆ กันด้วยการเรียนรู้ที่จะทำให้ตู้เย็น 2 ประตู ประหยัดไฟได้มากที่สุด

รู้หลักการปฏิบัติที่ดี มีส่วนลดค่าไฟไปกว่าครึ่ง

                การทำให้ตู้เย็น 2 ประตู ประหยัดไฟได้มากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับประเด็นหลัก ๆ 3 ประเด็นดังต่อไปนี้

1. ติดตั้งให้ถูกตำแหน่ง

ตำแหน่งที่ตั้งของตู้เย็นสำคัญไม่แพ้คุณสมบัติต่าง ๆ เลยแม้แต่น้อย ควรจะติดตั้งตู้เย็นในพื้นที่โล่ง มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่ควรตั้งให้โดนแสงแดดส่องลงมาถึงโดยตรง และที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงการตั้งใกล้แหล่งกำเนิดความร้อน อาทิเช่น เตาแก๊ส หรือเตาไฟ นอกจากนั้นแล้ว ยังต้องดูระยะห่างจากผนังทั้งทางด้านหลัง ด้านข้าง และด้านบน ยกตัวอย่างเช่น ตู้เย็นควรตั้งให้ห่างจากผนังด้านหลังอย่างน้อยประมาณ 15 เซนติเมตร เนื่องจากมีความสำคัญต่อการระบายความร้อนของตู้เย็น การที่ตู้เย็นระบายความร้อนได้ดีก็ช่วยประหยัดไฟไปได้มาก

2. พฤติกรรมการใช้ตู้เย็น

ผู้ใช้งานเป็นปัจจัยหลักในการช่วยประหยัดพลังงาน ลองตรวจสอบดูว่าคุณมีพฤติกรรมดังต่อไปนี้หรือไม่ แล้วอาจจะได้คำตอบถึงบิลค่าไฟที่เพิ่มขึ้น

  • ปรับอุณหภูมิแต่ละช่องแช่ไม่เหมาะสม โดยทั่วไปอุณหภูมิในช่องแช่แข็งที่กำหนดมาจากผู้ผลิตจะอยู่ประมาณ     -19 องศาเซลเซียส และช่องแช่เย็นจะอยู่ที่ 3 องศาเซลเซียส หากพบว่าอุณหภูมิผิดปกติ ก็ควรจะปรับอุณหภูมิทันที การที่อุณหภูมิต่ำหรือสูงไปเพียง 1 องศาเซลเซียสย่อมหมายถึงปริมาณไฟฟ้าที่ใช้มากขึ้น
  • แช่อาหารทันทีทั้งที่อาหารยังร้อนจัด หรือแช่อาหารจนแน่นเต็มตู้เย็น การที่นำอาหารร้อน ๆ เข้าตู้เย็นทันที จะทำให้คอมเพรสเซอร์ทำงานหนักขึ้น จึงควรวางอาหารทิ้งไว้จนให้อุณภูมิลดลงเสียก่อน จึงค่อยนำเข้าแช่ รวมถึงถ้าหากแช่อาหารจนแน่นแทบไม่มีที่ว่าง จะทำให้อากาศในตู้ไหลเวียนไม่สะดวก การทำความเย็นเป็นไปได้ยาก ตู้เย็นก็จะทำงานหนัก และกินไฟมากขึ้น
  • เปิดประตูตู้เย็นค้างเป็นเวลานาน หรือเปิด ๆ ปิด ๆ บ่อยครั้ง แม้จะเป็นตู้เย็น 2 ประตูที่มีประตูช่องแช่เย็น และช่องแช่แข็งแยกออกจากกัน แต่การเปิดประตูค้างเอาไว้โดยไม่คิดก่อนว่าจะหยิบอะไรดี หรือเปิดปิดบ่อย ๆ เพราะลืมนู่นลืมนี่ ย่อมทำให้อุณหภูมิในตู้เหวี่ยง ตู้เย็นต้องเริ่มทำความเย็นอีกครั้ง และอีกครั้ง เพื่อรักษาอุณหภูมิให้อยู่ในระดับปกติ
  • เก็บวัตถุดิบ หรือสิ่งของที่จะใช้บ่อยไว้กระจัดกระจาย สิ่งที่เราหยิบใช้บ่อย เช่น เครื่องปรุงรส ควรแช่ไว้ใกล้มือ เมื่อเปิดประตูตู้แล้วสามารถหยิบออกมาได้เลย ดีกว่าวางของชิ้นหนึ่งไว้มุมหนึ่ง อีกชิ้นวางไว้ในสุด การจัดแบ่งประเภทของสิ่งที่เราหยิบใช้บ่อยให้เป็นหมวดหมู่ และวางไว้ที่เดียวกัน ทำให้ลดระยะเวลาในการเปิดตู้และควานหาสิ่งของอีกด้วย

3. หมั่นใส่ใจในการตรวจสอบ และบำรุงดูแลรักษา

แม้จะมีการพัฒนาระบบต่าง ๆ ทำให้ตู้เย็น 2 ประตู ประหยัดไฟได้มากกว่าตู้เย็นรุ่นเก่า ๆ แต่เมื่อผ่านการใช้งานไปเรื่อย ๆ ก็ย่อมจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพของตู้เย็น เราจึงควรใส่ใจ หมั่นตรวจสอบอยู่เสมอ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากจู่ ๆ สังเกตว่าอุณหภูมิตู้เย็นไม่ค่อยเย็น อาจจะมีปัญหาจากน้ำแข็งที่เกาะหนาตัวก็ได้ เพราะตู้เย็น 2 ประตูบางรุ่นยังไม่มีนวัตกรรมที่ช่วยละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ หรือสังเกตว่าประตูตู้เย็นปิดไม่ค่อยสนิท ก็ต้องตรวจสอบว่าขอบยางชำรุดหรือไม่ เพราะถ้าหากปล่อยทิ้งไว้จะทำให้ประตูตู้เปิดค้าง และกินไฟไปเรื่อย ๆ

                การใช้งานตู้เย็น 2 ประตู ประหยัดไฟได้มากน้อยแค่ไหน จะเห็นได้ว่ามาจากผู้ใช้งานเป็นหลัก แม้คุณจะเลือกซื้อตู้เย็น

ที่มีนวัตกรรมดีเยี่ยม ทันสมัยรุ่นล่าสุดขนาดไหน แต่ถ้าหากไม่รู้หลักการ และไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ก็ย่อมไม่สามารถช่วยลด

ภาระค่าใช้จ่ายได้ ดังนั้นการที่จะลดค่าไฟฟ้าและประหยัดพลังงานได้มากขึ้น ทั้งหมดนี้เริ่มต้นที่ตัวคุณ